(Tokyo) Mori Art Museum
–
Address : Roppongi Hills
52F :
Tokyo City View
53F :
Mori Art Museum
Mori Art Museum Shop
Open hours :
Monday, Wednesday – Sunday
10:00-22:00 (Last Admission: 21:30)
Tuesdays
10:00-17:00 (Last Admission: 16:30)
Website : http://www.mori.art.museum/en/index.html
Tickets cost :
Tickets to Tokyo City View Observation Deck and Mori Art Museum
Adult 1,800 yen
University / High school student 1,200 yen
Child (Age 4 up to Junior high school student) 600 yen
Senior (Ages 65 & over) 1,500 yen
more ticket informations : http://www.mori.art.museum/en/info/index.html
–
เราว่าสายมิวเซียมต้องรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี เพราะนางมีชื่อเสียง และควรค่าแก่การมาเยือนมาก
คุ้มค่าบัตรห้าร้อยกว่าบาทแน่นอน (1800 yen)
บัตรค่าเข้าจะมีหลายแบบนะ ทั้งแบบเข้ามิวเซียมอย่างเดียว
หรือจะเข้าทั้งมิวเซียมและดู Tokyo city view ที่ชั้น 52 ด้วยก็จะอีกราคานึง
ราคาต่างกันไม่เยอะ ด้วยพื้นฐานเป็นคนงกเลยซื้อแบบดูวิวด้วยและเข้ามิวเซียมด้วยไปเลย คุ้มค่า!
อ้อ มี add-ons เพิ่มได้ ถ้าอยากขึ้นไปดูวิวที่ชั้นดาดฟ้าของตึก แบบไม่มีกระจกกั้น ก็เพิ่มเงินอีก 500 yen เท่านั้น
แต่เราไม่ได้ขึ้นไปนะ (อ้าว) คือตอนนั้นไม่ได้สนใจ อยากเข้าแต่มิวเซียม
ชั้น 52 ที่เป็นชั้นสำหรับดูวิวเมืองโตเกียว ที่มองเห็นได้เกือบ 360 องศา (ถ้าขึ้นไปดาดฟ้าน่าจะเห็นแบบ 360 องศาเลย)
วันไหนถ้าท้องฟ้าเป็นใจ ก็จะเห็นทะลุไปหลายเขตของโตเกียวเลย
เดินเพลินๆ แปปเดียวก็ครบรอบนึงละ แต่เดินให้พอก่อนจะเดินออกมานะ เพราะออกมาแล้วเข้าไปอีกรอบไม่ได้นะเหวย
และเป็นปกติของสถานที่ท่องเที่ยว ที่ปลายทางจะถูกดักด้วย shop ขายของที่ระลึก
นี่ก็โดนมาจ้า mt เอย โปสการ์ดเอย ไม่รอด (ก็โดนทุกร้านอะ)
–
ขึ้นบันไดเลื่อนมาต่อที่ชั้น 53 ที่เป็นพื้นที่ของมิวเซียมทั้งหมด
แนะนำว่าก่อนไปให้เข้าเว็บไซต์ของมิวเซียม http://www.mori.art.museum/en/index.html
เพื่อเช็คว่าตอนนี้มี exhibition อะไรที่น่าสนใจบ้าง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเลือก
ตอนเราไป เราเช็คแล้วว่า main exhibition ของช่วงนั้นคือ N. S. Harsha: Charming Journey
เป็นการแสดงผลงานของศิลปินชาวอินเดีย
ซึ่งผลงานของเขาทุกชิ้นมัน Charming เหมือนชื่อเลย
ใน artwork ทุกๆชิ้นสะท้อนให้เห็นถึงสังคมอินเดียในมุมมองของศิลปิน
ที่บอกเล่าวัฒนธรรม ความเชื่อ การเมืองและความเป็นอยู่ของคนอินเดีย ตั้งแต่เด็กจนโต
ซึ่งทำได้น่าสนใจมากๆ และสนุกมากๆ ผ่านศิลปะแบบ contemporary ที่เขาถนัด
เราจะชอบงานเขาลักษณะที่เป็นการทำซ้ำๆ จนกลายเป็น pattern ที่น่าสนใจ
เหมือนกับชีวิตมนุษย์ที่มักทำอะไรซ้ำๆตั้งแต่เกิดจนตาย
exhibition นี้มีหลายห้องมาก แต่ละห้องนำเสนอต่างกัน น่าสนใจคนละแบบ แต่ดีหมดเลย
โดยเฉพาะห้อง Sky Gazers ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่ศิลปินไปนั่งมองดาวบนหลังคากับเด็กๆ ทำให้เกิด artwork เท่ๆนี้ขึ้นมา ซึ่งด้านล่างจะเป็นภาพวาดคนจำนวนมากกำลังแหงนมองอะไรสักอย่างด้านบน
และด้านบนเพดานเป็นกระจกบานใหญ่ ที่สะท้อนเห็นทุกอย่าง
ถ้าช่วงก่อนหน้านี้ใครเข้าไปดู location Mori Art Museum ใน instagram ก็คงเห็นรูปที่เป็นภาพสะท้อนแบบนี้เพียบ
–
และชิ้นงานที่เป็นไฮไลท์ และมีขนาดใหญ่ที่สุดจากภาพทั้งหมด น่าจะเป็นชิ้นนี้
เราใช้เวลาอยู่ในมิวเซียมเพื่อดูงานนี้ ประมาณสอง-สามชั่วโมงได้
และแน่นอนปลายทางที่ถูกดักตีหัวด้วย shop ของมิวเซียม นี่ตายไปเลย
เหมือนโดนป้ายยา หยิบทั้งสมุดทั้งกระเป๋าผ้ามาจ่ายตังแบบไม่มีสติ เจ็บตัวกันไป
–
ถัดออกมาจากห้อง exhibition ใหญ่ ก็ยังมีห้องเล็กๆ ที่มีผลงานเล็กๆ ของศิลปินคนอื่นจัดแสดงไว้ด้วย
MAM Project 023: Agatha Gothe-Snape
เป็นผลงานของ Agatha Gothe-Snape ศิลปินชาว Sydney ที่โชว์ผลงานในโปรเจค Oh Window
คือเป็นการสร้างหน้าต่างปลอมขึ้นมาในพื้นที่ห้องจัดแสดงงานที่ไม่มีหน้าต่างเลยสักบาน
แต่สร้างเป็นจอทีวีที่ฉายงาน artwork ที่ลักษณะ “คล้าย” กับหน้าต่าง
ด้วยคอนเซปว่า / an edge of two sites of the “art” inside an art museum and the “life” outside /
เห็นมะ ที่นี่มีแต่งานเก๋ๆ เจ๋งๆ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ก็ยังดักกันด้วย shop ใหญ่ของมิวเซียม
ขายกันเข้าไปค่ะ ขายให้ตายไปเลย
แล้วถามว่าโดนอีกไหม ตอบเลยว่าไม่!
ไม่รอด!
ไปเถอะ ที่นี่มันดีจริงๆ
ไปแบบไม่ต้องเสียสติซื้อของเยอะแบบเราก็ได้
ไปดิรอไร
–
HOW TO GO
By Train
0-minute walk from Tokyo Metro Hibiya Line “Roppongi Station” Exit 1C
(direct access to Roppongi Hills through concourse)
4-minute walk from Toei Subway Oedo Line “Roppongi Station” Exit 3
5-minute walk from Toei Subway Oedo Line “Azabu-juban Station” Exit 7
8-minute walk from Tokyo Metro Namboku Line “Azabu-juban Station” Exit 4
10-minute walk from Tokyo Metro Chiyoda Line “Nogizaka Station” Exit 5